มารู้จักกับ Matt Maltese ให้มากขึ้นผ่านการพูดคุยเกี่ยวกับอัลบั้มเต็มชุดใหม่ Driving Just to Drive, ประสบการณ์ที่ได้มาเล่น Maho Rasop Festival ปีที่ผ่านมา, ความประทับใจที่มีแค่ Thailand Only, และความตื่นเต้นที่จะได้ทัวร์เดี่ยวครั้งแรกในเอเชีย โดยมีจุดหมายปลายทางประเทศไทยให้ได้เยือนอีกครั้งในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้
ทำไมถึงเลือก ‘Driving Just to Drive’ ให้เป็น title track
ผมคิดว่าเพลงนี้นำเสนอแก่นของอัลบั้มนี้ได้ดีที่สุดครับ บางทีก็ยากนะครับที่จะบอกว่าเพลงไหนที่เป็นภาพรวมของอัลบั้มนั้น ๆ แต่การที่มันเป็นหนึ่งในเพลงที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการทำอัลบั้มนี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่ผมเลือกมาเป็น title track
เนื้อหาในอัลบั้มมักจะมีต้นเรื่องมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองเรดดิ้งที่ผมเคยอยู่ตอนอายุ 17-18 หลายเพลงในอัลบั้มนี้จะวนเวียนอยู่กับความรู้สึกสนุกในการทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่สนใจว่ามันจะนำไปสู่อะไร ซึ่งผมคิดถึงและโหยหาความรู้สึกแบบนั้น แบบตอนที่เรายังเป็นเด็กเราไม่ได้รู้สึกว่าการมีเป้าหมายในชีวิตเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เราจะต้องไปที่ไหน หรือทำอะไร ‘Driving Just to Drive’ ก็พูดถึงการขับรถไปเรื่อย ๆ บนถนนเส้นยาว ซึ่งช่วงนั้นผมขับรถตลอด ตอนนี้ผมอยู่ลอนดอนระบบขนส่งสาธารณะที่นี่ดีมาก ๆ ในขณะที่การมีรถส่วนตัวนั้นราคาแพง ดังนั้นผมเลยไม่ค่อยได้ขับรถเท่าไหร่แล้ว ดังนั้นอัลบั้มนี้มันเลยเหมือนเป็นการย้อนอดีตนิดนึง ซึ่งเพลงนี้ก็อธิบายเรื่องราวเหล่านั้นได้ดี ชื่อเพลงเองพอเอามาตั้งเป็นชื่ออัลบั้มผมว่ามันก็เหมาะอยู่
อะไรคือส่วนที่ยากที่สุดในการทำอัลบั้มนี้
การจบงานครับ มันเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเสมอมา การฟันว่าจะเอาอันนี้ หรือเก็บส่วนที่เหลือ 20% สุดท้ายให้เรียบร้อย มันยากมากที่จะตัดเอาความรู้สึกนี้ออกไปเพื่อจะทำให้งานมันเสร็จ ๆ เพราะมันจะมีบางอย่างที่คุณรู้สึกว่ายังไปต่อได้อีกเรื่อย ๆ หรือพอเราคิดว่า ‘สุดท้ายแล้วนะ’ มันจะยังอยากมีอะไรเพิ่มเข้ามาอีก
บางครั้งผมก็ไม่รู้ว่าจุดที่พอดีของมันอยู่ตรงไหน แต่ผมเชื่อว่า บ่อยครั้ง เวอร์ชันแรกของเพลงที่ทำออกมามักจะเป็นอะไรที่มันควรจะเป็นจริง ๆ ผมไม่ใช่คนที่จะทำเพลงนึงออกมาแล้วมี 5-6 เวอร์ชันแล้วค่อยเลือกอันที่ชอบที่สุด ผมคิดว่าถ้าผมทำอะไรบางอย่างนานเกินไปน่าจะเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดี ผมควรที่จะหยุดแล้วกลับไปที่ซาวด์แบบแรกสุด เอาจริงการทำงานตอนนี้ผมก็ยังต้องหาจุดที่พอดีอยู่เรื่อย ๆ ครับ
ถ้างั้นหลายเพลงที่มีอยู่ตอนนี้ก็ใช้เวลาเขียนไม่นาน ปกติเร็วสุดใช้เวลาเท่าไหร่
ใช่ครับ บางเพลงคือจบได้ไวมาก บางทีใช้ 2-3 ชั่วโมงก็ได้เนื้อเพลงกับทำนองแล้ว แต่โปรดักชันมักจะใช้เวลานานกว่าเสมอ บางเพลงทำเสร็จนนานแล้ว พอกลับมาฟังอีกรอบหลังผ่านไปหลายเดือนผมก็มีการแก้เนื้อเพลง หรือดนตรีบางส่วนด้วย คือโดยรวมมันก็ใช้เวลาพักใหญ่ แต่หัวใจของเพลงมันคือก้อนแรกสุดที่คิดได้แหละ ซึ่งพอคิดได้แล้วเราควรรีบทำอะไรบางอย่างกับมันให้ออกมาเป็นชิ้นงาน แล้วหลังจากนั้นจะเป็นไงค่อยมาดูกันอีกที
เคยเจอจุดที่ไม่รู้จะเขียนอะไรออกมาเป็นเพลงบ้างไหม ดูเหมือนคุณมีเรื่องให้พูดถึงตลอดเวลา
ผมก็เคยผ่านช่วงนั้นมาบ้างครับ บางทีมันไม่ถึงขั้นว่าตัน เขียนไม่ออก แต่เรื่องที่นึกออกตอนนั้นมันไม่ได้น่าสนใจหรือใหม่สำหรับผมขนาดนั้นแล้วในตอนนี้ บางทีผมต้องหยุดพัก รอให้รู้สึกมีแรงบันดาลใจหรือมีเรื่องอื่น ๆ มากระทบใจอีกครั้งถึงจะเริ่มเขียนเพลงใหม่ ผมรู้สึกว่าการสร้างเนื้องานมันต้องใส่อารมณ์และความรู้สึกเข้าไปในนั้น เราไม่ใช่เครื่องจักรที่จะผลิตเนื้อเพลงได้ตลอด
อะไรเป็นเรื่องล่าสุดที่กระทบใจแล้วอยากเขียนออกมาเป็นเพลง
บางครั้งผมเจอหนังที่ประทับใจแล้วทำให้อยากเขียนเพลงเกี่ยวกับมัน ล่าสุด Empire of Light ที่ Olivia Colman แสดงนำ ผมชอบเรื่องนั้นมากแล้วก็อยากเขียนเพลงเกี่ยวกับหนังเรื่องนั้นทันทีที่ดูจบ โอเคเนื้อหามันอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับหนังมากเท่าไหร่ แต่นั่นแหละ ก็ได้แรงบันดาลใจจากมันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่รู้สิครับ… ช่วงนี้เพลงที่ผมเขียนมักจะเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว เหมือนย้อนกลับไปมองเรื่องเหล่านั้นในภาพกว้างขึ้น ไม่รู้ว่าการเขียนถึงอะไรแบบนี้จะอยู่กับผมไปอีกนานแค่ไหน ต้องมาดูกัน
ร่วมงานกับ Biig Piig เป็นยังไงบ้าง
เธอยอดเยี่ยมมากครับ เราได้ใช้เวลานิดหน่อยในการเขียนเพลงด้วยกัน เนื้อเสียงของเธอมีความอ่อนไหวและทำให้คนฟังรู้สึกใกล้ชิดได้ การได้เจอและร่วมงานของเธอเหมือนฝันที่เป็นจริงครับ งานออกมาดีมาก ๆ
คิดว่าตัวเองเป็นคนอบอุ่นไหม หลายครั้งเพลงของคุณทำให้เรารู้สึกแบบนั้น
ผมไม่คิดว่าตัวเองจำกัดความตัวเองแบบนั้น แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องดีที่โลกของเราควรจะมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ ถ้าอยากให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นก็ต้องเริ่มจากการเป็นคนอ่อนโยนและเอื้ออาทรกับคนใกล้ตัวเรา ผมเชื่อในการเป็นคนที่มีจิตใจดี การมีความปรารถนาดี และอยากทำให้คนอื่นรู้สึกดี ผมรู้สึกอย่างลึกซึ้งเลยว่ามันคือทางที่ถูกควรของการใช้ชีวิต ผมหวังว่าคุณจะรู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นผ่านเพลงของผม
เพลงไหนในอัลบั้มที่อยากให้คนที่ไม่เคยฟังเพลงของคุณได้ลองฟัง
อันนี้ตอบยากแฮะ ผมว่า… ลองฟังตั้งแต่เพลงแรกจนจบอัลบั้ม ค่อยหยุดฟังตอนที่คุณรู้สึกเบื่อ (หัวเราะ)
โชว์แรกที่ Maho Rasop Festival ปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง
มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดมากเลยครับ ผมรู้สึกประทับใจมากที่ได้เดินทางมาเล่นที่ประเทศที่อยู่ไกลมาก ๆ แล้วเขารู้ว่าเรามีตัวตนอยู่ มันอัศจรรย์มากครับ แล้วก็คนดูใจดีมาก ๆ น่ารักและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ผมมีช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ ในกรุงเทพ ฯ รอบที่แล้วผม ซึ่งสำหรับคนอังกฤษที่ไม่ค่อยได้เปิดโลกอย่างผม การได้ไปตลาดนัดเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากครับ ชอบมากครับ สนุกมากที่ได้ไปเล่นเฟสติวัลที่นั่น
อะไรที่ทำให้คุณติดใจตลาดนัด
มะพร้าวปั่นนมสดครับ เรามีเครื่องดื่มที่คล้าย ๆ กันที่อังกฤษแต่มันเป็นมะพร้าวปลอมอะครับ ไม่อร่อยเท่าที่นี่ (หัวเราะ) จริง ๆ ได้ยินว่ามีตลาดนัดเปิดใหม่เยอะมาก มือเบสผมเขาโตที่ไทยแล้วก็ใช้เวลาที่ไทยบ่อย ๆ เขาคงรู้จักที่ดี ๆ อีกหลายที่ น่าจะพาผมไปได้
โชว์เดี่ยวครั้งนี้จะเป็นยังไง
ผมตื่นเต้นมากเลยครับ การได้มาทัวร์เอเชียมันวิเศษมากที่มีคนจากหลากหลายที่อยากมาเจอผม อยากฟังเพลงของผม ผมจะได้เล่นเพลงให้ทุกคนที่ชอบงานของผมได้ฟังกัน
ฝากอะไรถึงแฟน ๆ หน่อย
สวัสดีครับทุกคน ผมตื่นเต้นและรอไม่ไหวที่จะได้เจอพวกคุณอีก ได้เล่นเพลงของผมและได้ดื่มมะพร้าวปั่นนมสด ไว้เจอกันนะครับ
อย่าลืมไปเจอกับเขาที่ Matt Maltese Live In Bangkok 2023 วันที่ 26 พฤษภาคม Union Hall ชั้น 6 ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอล ซื้อบัตรได้ที่ https://ticketmelon.com/sss/mattmaltese