ขณะนี้คุณกำลังฟัง ‘9m88 Radio’ อัลบั้มล่าสุดจากศิลปินป๊อป r&b มากเสน่ห์จากประเทศไต้หวัน

9m88 (จิ่วเอิ้มปาปา) คือชื่อที่รวมเอาชื่อภาษาอังกฤษของเธอ Joanne รวมเข้ากับชื่อเล่นจีนกลาง 88 ออกเสียงว่า ‘ปา-ปา’

เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เธอเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเป็นศิลปินผ่านทางโซเชียลมีเดียและ YouTube ซึ่งทำให้ตอนนี้เธอกลายมาเป็นนักร้องไต้หวันที่มีคนให้ความสนใจมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยเสียงทุ้มนุ่มน่าหลงใหล บวกกับภาพลักษณ์ย้อนยุคและดูตลกก๋ากั่นเหมือนมีมจึงทำให้เธอเป็นที่ชื่นชอบในซีนอินดี้ทั้งในไต้หวันและไทย

แม้เธอจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง แต่แรงจูงใจในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงของเธอกลับเป็นอะไรที่เรียบง่าย “ในช่วงแรก ๆ นับว่าไปได้สวยเลยค่ะ แต่มันไม่มีอะไรการันตีได้เลยในวงการนี้ แต่ฉันก็จะลองทำดูสักตั้งค่ะ ดูคนเขาชอบเพลงที่ฉันร้องเหมือนกันนะ”

เธอเล็งเห็นความเป็นไปได้ที่จะเอาดนตรีกระแสหลักมาแทนที่สไตล์เดิมของเธอ แต่เธอกลับเลือกที่จะพัฒนาเพลงไปในแนวทางสร้างสรรค์ที่เธอถนัดในอัลบั้มชุดที่ 2 นี้ โจแอนหวังว่าจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ก็อยากที่จะให้สิ่งนั้นเป็นที่ชื่นชอบในวงกว้างด้วยเช่นกัน ในอัลบั้มนี้จึงเป็นการหยิบองค์ประกอบของทั้งสองอย่างมารวมไว้อย่างละครึ่ง คือมีทั้งความป๊อป และอิทธิพลจากแจ๊สที่มักอยู่ในงานส่วนตัวของเธอ โลกแมนโดป๊อปผายมือต้อนรับ 9m88 ในฐานะศิลปินอิสระอย่างรวดเร็ว

โอกาสที่น่าตื่นเต้นและไม่คาดฝันมากมายรอเธอมาตั้งแต่ที่อัลบั้มแรกยังไม่ทันได้ปล่อย แต่โรคระบาดในปี 2020 ก็ได้ทำให้สิ่งที่วางแผนไว้ต้องชะงักลง แผนการร่วมงานในต่างประเทศก็ถูกเลื่อนออกไป ในช่วงนี้จึงเป็นการค่อย ๆ ปรับสมดุลให้เพซการทำงานช้าลง ตัดความกังวลใจออกไปให้ได้มากที่สุด และโฟกัสกับเป้าหมายที่ต้องทำเพลงให้เสร็จมากขึ้น ซึ่งขณะนั้นเองเธอก็ได้ปล่อยเพลงคัฟเวอร์ของ Madonna ที่ชื่อ ‘Material Girl’ ร่วมกับ Joanna Wang และ EP เพลงแจ๊ส ‘This Temporary Ensemble’ ออกมาในระหว่างที่ทำอัลบั้ม แม้จะเป็นจังหวะการทำงานที่เชื่องช้ากว่าปกติ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเข้มข้นในคุณภาพ

นอกจากนี้เธอยังเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ในด้านโปรดักชัน 9m88 รับหน้าที่เป็น A&R ของตัวเองด้วยการตามหาโปรดิวเซอร์รวมถึงนักดนตรีคนอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับแนวเพลงของเธอมาร่วมงานด้วยกัน เพราะก่อนหน้านี้เธอทำงานคนเดียวมาตลอด ซึ่งนั่นต้องใช้พลังงานมหาศาลในการจัดการทุก ๆ ด้าน ดังนั้นแล้วการร่วมงานกันกับโปรดิวเซอร์คนอื่น ๆ เพื่อที่จะทำให้เป้าหมายที่เธอตั้งใจไว้ได้ลุล่วง จำเป็นจะต้องมีการปรับตัวในด้านการทำงาน และยอมให้ศิลปินคนอื่น ๆ ตีความตัวตนและแนวคิดของเธอออกมาในสไตล์ของพวกเขาอีกที

9m88 อยากให้โปรดิวเซอร์จากทั่วโลกมีส่วนร่วมในอัลบั้มชุดนี้ เธอจึงวางคอนเซปต์ไว้ว่าอยากให้คนฟังรู้สึกว่าเหมือนกำลังฟังวิทยุ แนวเพลงในชุดนี้จะมีความแตกต่างกันไปตามรสนิยมของดีเจคนนั้น ๆ เหมือนเรากำลังเปลี่ยนคลื่นไปเรื่อย ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เธอตั้งชื่ออัลบั้มว่า ‘Radio’ และแม้ว่าชื่อนี้จะครบจบในตัวมันเองแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามตามมาอีกว่า ‘เด็กสมัยนี้ยังรู้จักวิทยุอยู่อีกไหม?’ โจแอนก็พูดติดตลกว่า “หรือฉันควรจะเรียกมันว่า ‘9m88 Podcast’ หรือ ‘9m88 TikTok’ ดีล่ะ?”

อัลบั้ม ‘9m88 Radio’ ตั้งใจจะดึงเอาความสนุกสนานอ่อนหวานของ 9m88 ออกมาให้ประจักษ์ ซึ่งสะท้อนผ่านปกอัลบั้มที่เป็นภาพโทนสีเดียวของเธอ บวกกับลายเส้นสีสดใสที่ดูเหมือนงานวาดเล่นของเด็ก แต่จริง ๆ แล้วเป็นการวาดด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดของเธอเอง เป็นการนำเสนอความสมดุลระหว่างความหนักแน่นและขี้เล่นในเวลาเดียวกัน

นอกเหนือไปจากความมุ่งมั่นตั้งใจของเธอแล้ว 9m88 เป็นที่พูดถึงในแง่ของการไม่ติดอยู่กับขนบการร้องเพลงแบบเดิม ๆ กับการผสานระหว่างการแสดงอารมณ์และการเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างเต็มที่ในการร้อง โดยเธอได้เผื่อพลังงานอีกส่วนไว้ถ่ายทอดเนื้อเสียงทรงพลัง ในอัลบั้ม ‘9m88 Radio’ เราจะสัมผัสได้ถึงชั้นเชิงทักษะในการร้องและความสนุกที่เธอใส่ลงไปในการร้องแต่ละเพลงของเธอ

ในงานก่อน ๆ ของ 9m88 เธอคิดถึงแต่เรื่องสไตล์และแนวเพลงเท่านั้น ยิ่งเมื่อมองว่าเพลงของเธอเป็นแนวโซล r&b เธอก็จะพยายามนำเสนอเสียงร้องในแบบที่ศิลปินแนวนี้หลายคนเป็น และทำให้ซาวด์มีความ’เป็นเมือง’ออกมาให้ได้มากที่สุด แต่การที่เธอเป็นคนไต้หวัน กลายเป็นว่าเธอต้องพยายามอย่างมากในการถ่ายทอดสิ่งที่ไม่ใช่วัฒนธรรมของตัวเองออกมา ยิ่งไปกว่านั้นการสลับร้องระหว่างจีนกลางและภาษาอังกฤษเป็นอะไรที่เธอต้องทำการบ้านกับมันอย่างหนักในหลายปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เธอเรียนรู้ที่จะยอมรับกับเนื้อเสียงนุ่มของเธอ และร้องออกมาอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดโดยไม่ทำให้พลังในเสียงของเธอหายไป

‘Tell Me’ ซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาเมื่อต้นปี 2021 เป็นเพลงแรกที่เสร็จสมบูรณ์สำหรับอัลบั้มนี้ แรงบันดาลใจมาจากข่าวน่าสลดของ Kimura Hana ผู้ร่วมรายการเรียลลิตี้โชว์ Terrace House ที่ปลิดชีพตัวเองจากการถูกบุลลี่ทางออนไลน์ 9m88 เขียนเนื้อเพลงอบอุ่นและปลอบโยนเพื่อย้ำเตือนทั้งตัวเองและผู้ฟังให้เข้มแข็งเข้าไว้ โดยเพลงนี้เป็นอีกครั้งที่เธอร่วมงานกับ Mitsu the Beat โปรดิวเซอร์ชาวญี่ปุ่นที่หยิบเอาวัตถุดิบที่เคยใช้ใน ‘Nine Head Hinano’ กลับมาใช้อีกครั้ง

‘Tell Me’ นำเสนอทิศทางของอัลบั้มอย่างตรงไปตรงมา กับการเป็นดนตรีซินธ์ป๊อปที่ทำโดยโปรดักชันง่าย ๆ แบบสตูดิโอที่บ้าน แต่ก็ยังใช้เลือกใช้เสียงที่ชุ่มฉ่ำและมีสีสัน ฟังแล้วเหมือนสโลแกนขนมแสนอร่อยอย่าง Kinder Bueno

‘Friend Zone’ เป็นเหมือนแทร็คที่เป็นจุดรวมของอัลบั้มนี้ หลังจากที่เธอวาดหวังว่าจะได้ร่วมงานกับ Oddisee มาเป็นเวลานาน 9m88 ก็ได้พบกับเขาที่ Clockenflap Festival ที่ฮ่องกงก่อนจะเจอกับโควิดพอดิบพอดี ในเพลงนี้ Oddisee ได้เพิ่มเรื่องราวหักมุมในเนื้อเพลง ขณะที่โปรดิวเซอร์ starRo ใช้บีตแบบละตินที่ช้าลงทำให้ได้บรรยายกาศแบบฮิปฮอปยุค 90s ในต้นเพลง โดยโจแอนเล่าไอเดียของเพลงนี้ว่า เหมือนเป็นซีนที่เราไปปาร์ตี้กับคนที่แอบชอบ แต่อายไม่กล้าบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไป และแทนที่จะพูดตรง ๆ ร้องเลยใส่เป็นท่อนร้องในเพลงว่า ‘ฉันไม่อยากอยู่ในเฟรนด์โซนของเธออีกแล้ว’ โจแอนคิดว่าว่าแฟนเพลงของเธอก็ทำสิ่งนี้ได้ในชีวิตจริง ด้วยการร้องท่อนนี้ให้กับคนที่เขาแอบชอบที่มาดูคอนเสิร์ตด้วยกัน

‘Whatchu Gonna…?’ เป็นเพลงที่ Rainbow Chan ร่วมโปรดิวซ์ด้วย เป็นการดึงเอากระแสสำนึกของ 9m88 ออกมาเล่าเรื่อง โดยแรงบันดาลใจของเพลงนี้เกิดจากวันนึงที่โจแอนทำความสะอาดบ้าน แล้วทำให้เกิดแรงจูงใจที่จะสังคายนาชำระล้างเรื่องค้างคาในความสัมพันธ์ของเธอเองด้วย การกวาดพื้น ล้างจาน พับเสื้อ พวกงานบ้านแสนน่าเบื่อเหล่านี้บางทีก็เป็นเหมือนพิธีกรรมที่ทำให้จิตใจของเธอสงบลง เสียงแซ็กโซโฟนกระซิบกระซาบในต้นเรื่องกลับให้ความรู้สึกซ่อนเร้นมากกว่าเปิดตัวอย่างผึงผาย เสียงร้องภาษาฝรั่งเศสท้ายเพลงเป็นเสียงของ Louisa Rosi เพื่อนร่วมชั้นของเธอผู้เคยร้องคัฟเวอร์ด้วยกันที่นิวยอร์ก ซึ่งหนนี้ 9m88 ชวนให้เธอมาช่วยเสริมพลังหญิงลงในอัลบั้ม

SUMIN ศิลปินผู้มีชื่อทั้งในโลก K-Pop และอินดี้ที่เคยร่วมงานกับทั้ง BTS และ Red Velvet และยังออกผลงานส่วนตัวไปพร้อม ๆ กัน ได้โคจรมาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานรอบโลกของ 9m88 ซึ่งการร่วมงานอันน่าตื่นเต้นและไม่คาดคิดในอัลบั้ม ‘9m88 Radio’ นี้เธอได้ร่วมเขียนในเพลง ‘Sleepwalking’ ที่ผสานเอากลิ่นอายดนตรี 8-bit มารวมเข้าไว้กับไซเคเดลิก โจแอนมองว่าอินโทรของเพลงสนุกมากจนต้องหยิบมาเล่นซ้ำในเวิร์ส

‘Love Is So Cruel’ เป็นเพลงที่โปรดิวซ์โดย นักร้องนักแต่งเพลง Arthur Moon หรือชื่อจริง ๆ ของเธอคือ Lora-Faye Åshuvud ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ 9m88 ทำไม่เสร็จสักทีเป็นเวลาหลายปี แต่การที่ลอร่าเฟย์ใส่รายละเอียดยุ่งเหยิงเข้าไปในแทร็คดั้งเดิมของเพลงนี้ ทำให้ยิ่งขับเสน่ห์ในการเล่นคำของเนื้อเพลง และช่วยให้โจแอนพัฒนาสไตล์การร้องไปอีกขั้น จนเพลงนี้เสร็จสมบูรณ์

ในชุดนี้มี Interlude 2 เพลง โดยตั้งชื่อเป็นอิโมจิหน้ายิ้ม :–D และหน้าเศร้า ;’–( ซึ่งโจแอนบอกกับเราว่า เป็นไปได้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวใน ‘Friendzone’ คงจะไม่สมหวัง เลยออกมาเป็นหน้าซึม ๆ ต่อด้วยเสียงเปียโนหม่นเศร้ากับเพลงสุดห่อเหี่ยว ‘Dark Night/ Sunlight’ เสียงร้องในเพลงนี้ชวนให้นึกถึง ‘Moulin Rouge’ ไม่ก็หนังสักเรื่องที่มีตัวละครผู้หญิงกำลังเศร้าและฮัมเพลงอยู่ข้างหน้าต่าง โดยในท่อนบริดจ์เธอได้ใส่ทำนอง ‘Twinkle Twinkle Little Star’ เข้าไปเพื่อสะท้อนช่วงเวลาที่เธอประสบกับภาวะซึมเศร้าเมื่อปีที่ผ่านมา เป็นการย้ำเตือนว่าถึงแม้มันจะเป็นอุโมงค์ที่ทอดยาวไร้ที่สิ้นสุด แต่ก็จะมีแสงสว่างอยู่ที่ปลายทางเสมอ

เพลงสุดท้ายชื่อ ‘Star’ ก็เป็นอีกเพลงที่เกี่ยวกับการเดินทางเพื่อค้นพบสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ เมื่อเธอต้องเขียนเพลงแต่คิดคำไม่ออก โจแอนก็กลับไปฟังเพลงของ Joni Mitchell ผู้ที่เป็นนักร้องนักแต่งเพลงในดวงใจของเธอ เธอมองว่าตัวเองคือคนที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวเองออกมาได้ผ่านการบรรยายสิ่งรอบตัวและสิ่งที่พบเจอ จึงเริ่มสำรวจตัวเองผ่านเพลงของ Joni และนั่นก็ทำให้เธอได้คำตอบว่า “ฉันเหนื่อย” หลังจากที่ได้คำนี้เป็นคำแรก เธอก็เล่าเรื่องออกมาตามภาพในหัวที่ปรากฏตลอดกระบวนการสร้างสรรค์เพลงนี้

ช่วงโควิดจะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะการสื่อสารทางไกลเป็นอะไรที่ยากกว่าการมาเจอตัวต่อตัวและใช้พลังงานมากกว่าปกติ รวมไปถึงการทำเพลงกับหลายคนจากหลายประเทศก็ทำให้ระยะเวลาเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ 9m88 ก็รู้สึกยินดีที่ได้รับโอกาสนี้ร่วมงานกับศิลปินและโปรดิวเซอร์มากความสามารถทั่วโลก ในทีแรกเธอตั้งใจจะร่วมงานแต่กับแค่ผู้หญิงในวงการเพื่อต้องการผลักดันพลังหญิงให้เข้มแข็ง แต่ภายหลังเธอล้มเลิกความคิดนี้ไปและเลือกร่วมงานกับศิลปินที่มีมุมมองด้านดนตรีใกล้เคียงกันแทน ไม่ว่าจะเป็นศิลปินญี่ปุ่นที่ก้าวหน้าในสายอาชีพในสหรัฐอย่าง starRo หรือ Rainbow Chan ศิลปินที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่พำนักอยู่ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย ไปจนถึงโปรดิวเซอร์ที่สร้างแรงกระเพื่อมทั้งในซีนอินดี้และ K-pop อย่าง SUMIN คนกลุ่มนี้ทำให้การสร้างสรรค์ผลงานเป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด และเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์กันผ่านบทเพลง โดยไม่ทำให้เธอต้องรู้สึกโดดเดี่ยวในโลกอันแสนวุ่นวายและไม่แน่นอนในปีที่ผ่านมา

เกี่ยวกับ 9m88

หลังจากเรียนจบวิทยาลัยด้านการออกแบบแฟชันและฝึกงานที่ Jason Wu Studio เธอได้ทิ้งอาชีพการเป็นดีไซเนอร์ไว้เบื้องหลังและหันไปเข้าเรียนด้านดนตรีแจ๊สที่ The New School นิวยอร์ก โดยเธอตั้งใจว่าจะต้องไล่ตามศิลปินสายดนตรีรุ่นราวคราวเดียวกับเธอให้ได้ แต่ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เธอประสบกับความว้าวุ่นในใจ เป็นที่มาของเพลงแรกในอัลบั้มใหม่ ‘9m88 Radio’ ที่ชื่อ ‘Whatchu Gonna…?’

“I don’t want to think about the time But it always stands in front of me Forced me to play the run and catch I just couldn’t ignore it”

9m88 เป็นที่จับตามองอย่างรวดเร็วเมื่อครั้งที่เธอปล่อยผลงาน ‘Weekends With You’ ร่วมกับศิลปินฮิปฮอป Leo Wang เมื่อปี 2016 ตามมาติด ๆ ด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัวในปี 2017 ชื่อ ‘Nine Head Hinano’ นอกจากนี้เธอได้คัฟเวอร์เพลง ‘Plastic Love’ งานชิ้นสำคัญของนักร้องชาวญี่ปุ่นที่จุดกระแสซิตี้ป๊อปให้กลับมาโชติช่วงอีกครั้งอย่าง Mariya Takeuchi ออกมาให้ฟังในสไตล์ของเธอ ไม่นานนักเธอก็ได้ร่วมงานกับศิลปินป๊อปและ r&b ชื่อดังมากมาย นอกเหนือไปจากผลงานด้านดนตรีแล้ว 9m88 ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการปรากฏตัวในซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ และนำแสดงในซีรีส์ดราม่า ‘Mr.Hito’

ตอนที่อัลบั้มแรก ‘Beyond Mediocrity’ ปล่อยออกมา เธอมีความกระตือรือร้นที่จะป่าวประกาศกับคนทั่วโลกว่าเธออยากจะพิสูจน์ตัวเองมากแค่ไหน “สิ่งที่เราควรจะทำตอนนี้คือคว้าโอกาสนั้นไว้ และอย่ากลัวที่จะทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น แม้จะต้องทำมันอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม” แต่สิ่งนี้เองที่ทำให้เธอเกิดการเปลี่ยนแปลงและได้มุมมองใหม่ ๆ ว่าแทนที่จะพุ่งตรงไปหาเป้าหมายเพียงอย่างเดียว เธอเริ่มคิดให้รอบด้านมากขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมไปถึงการไม่มองข้ามปัญหาเรื่องการเหยียดเพศและเชื้อชาติที่ซ่อนอยู่ในอุตสาหกรรมทั่วโลกแบบนัย ๆ

สมัยที่เธออยู่นิวยอร์ก เธอได้ประสบกับความอยุติธรรมมากมายทั้งผู้คนรอบ ๆ ตัวเธอ หรือแม่แต่ตัวเธอเอง 9m88, Bohan Phoenix และ slodown ได้ปล่อยเพลง ‘ORIENTATION’ ที่เป็นการสู้กลับในเรื่องการแบ่งแยกเชื้อชาติและความเกลียดชังในคนเอเชีย รวมถึงมีบทสัมภาษณ์ของเธอกับดีเจชาวญี่ปุ่น YonYon เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมในอุตสาหกรรมดนตรี แม้เธอจะไม่ได้เป็นนักกิจกรรมเต็มตัว แต่ภาพของ 9m88 มักจะไปปรากฏอยู่ในคอมมิวนิตีของผู้หญิงและ LGBTQ+ เสมอ ๆ

ความมีชีวิตชีวาแต่ขณะเดียวกันก็โกลาหลของนิวยอร์กได้ขัดเกลาให้เธอเป็นคนเฟียซ ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ แม้ตอนนี้เธอจะไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมอันแสนวายป่วง(แต่ก็เป็นที่รัก)นั้นแล้ว เธอกักเก็บความเกรี้ยวกราดนั้นไว้เพื่อส่วนหนึ่งจะได้ใช้เป็นเชื้อเพลงในงานสร้างสรรค์ และอีกส่วนหนึ่งก็เอาไว้สะท้อนตัวตนด้วยเช่นกัน เนื้อหาที่เล่าในเพลงของเธออาจจะไม่ค่อยตึงเครียด แต่มันก็มีความเป็นส่วนตัวเพราะเธอได้ถ่ายทอดสิ่งที่อยากจะพูดออกมาอย่างหมดจดในผลงานของ 9m88

“ถึงแม้ว่าฉันจะระบายความเจ็บปวดลงใน ‘Whatchu Gonna…?’ แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับแค่ความทรงจำร้าย ๆ ของฉันเพียงอย่างเดียว หลังจากที่ฉันจัดการกับตัวเองจนดีขึ้นแล้ว สิ่งที่สำคัญที่ได้เรียนรู้คือการต้องก้าวผ่านไปให้ได้”

สำหรับผู้ฟังที่อยู่กันจนถึงดึกดื่นด้วยกันกับเราในตอนนี้ เราได้มาถึงช่วงสุดท้ายของ ‘9m88 Radio’ ดีเจเสียงใสขอฝากอะไรทิ้งท้ายไว้สักหน่อย “แม้ว่าทุกวันนี้คุณจะยังรู้สึกวิตกกังวล หรือไม่สบายใจจากคำพูดของคนอื่น คุณยังสามารถมีศรัทธาในตัวเองได้ จงปล่อยให้เสียงจากวิทยุนี้ได้โอบอุ้มพาคุณไปยังที่ที่คุณอยากไป เราทุกคนจะมีคนที่รู้สึกเหมือน ๆ กับเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง”

Powered by Taiwan Beats