ในที่สุดก็ได้ฟังซักที กับอัลบั้มใหม่ล่าสุดของ Phum Viphurit ที่ทุกคนรอคอย
ช่วงก่อนหน้านี้ คำว่า soft power ถูกหยิบมาพูดถึงกันบ่อยมากบนอินเทอร์เน็ต แต่อัลบั้ม ‘The Greng Jai Piece’ เนี่ยแหละ คือ soft power ไทยที่แท้จริง ทั้งปกอัลบั้ม ทั้งชื่อเพลง และคำว่า ‘เกรงใจ’ ที่ไม่มีคำในภาษาไหนจะอธิบายสิ่งนี้ได้ดีเท่าคนไทยกันเอง
ปกอัลบั้มไม่ต้องพูดอะไรมาก ใครเห็นแล้วไม่ชอบก็บ้าแล้วกับการถอดลายเส้นจากเรื่องเล่าบนผนังวัด มาประดับประดาความสนุกด้วยบรรยากาศของงานวัด ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน และยิงปืน พร้อมเวทีคอนเสิร์ตที่มีสล็อตตัวยักษ์นั่งถือกีตาร์รอคนดูอยู่
ในพาร์ตดนตรีภูมิเองก็ไม่ประนีประนอมใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าเทียบกับอัลบั้ม ‘Manchild’ แล้ว อัลบั้มนี้เหมือนเป็นห้องทดลองทางดนตรีสำหรับภูมิ ทั้งการใช้สไตล์ดนตรีที่หลากหลาย หรือการร่วมงานกับศิลปินที่อยู่คนละซีนกัน ทำให้เพลงในอัลบั้มมันสดใหม่สำหรับแฟนเพลงพันธุ์แท้เหมือนกัน
ใครยังไม่ได้ฟังก็มาฟังพร้อมกัน หรือฟังแล้วก็มาฟังซ้ำด้วยกันอีกรอบ ว่าแต่ละเพลงในอัลบั้มนี้มันเจ๋งแค่ไหน
Temple Fair
เหมือนจำลองงานวัดพร้อมดนตรีแห่นาคที่เป็นเอกลักษณ์ มาหมดทั้งกลองยาว ฉิ่ง ใส่มาได้ลงตัวกับป๊อปสไตล์ภูมิ ม่วนสุด ๆ ไปเลย
Lady Papaya
‘ส้มตำแซ้บแซบ’ เสียงพูดอย่างอารมณ์ดีกับลูกกรู๊ฟแบบฟังก์ที่อุทิศทุกห้องดนตรีให้กับสาวไทย ดนตรีเซ็กซี่ประหนึ่งกำลังพรรณนาถึงความงามของรูปหน้าที่เป็นเอกลักษณ์และผิวสีน้ำผึ้งของป้าขายส้มตำที่เราเห็นได้ทั่วไป แต่ในสายตาต่างชาติคงมองเห็นในสิ่งที่หลายคนมองข้าม ยิ่งภูมิคอยคอรัสว่า ‘give me extra spicy’ ก็ทำให้เพลงยิ่งแซบบบบ
Healing House
ส่งพลังบวกให้คนฟังแบบหมดหน้าตัก น้ำตาร่วงกับท่อน ‘You are everything to someone.’ ดนตรีที่อัพบีต drum and bass ช่วงท้ายก็ประทับใจจนอดใจไม่ฟังซ้ำไม่ได้ แต่ที่โดนใจจริง ๆ คือ MV ใส่ความไทยได้ถูกต้อง ทั้งจานหมุนดิสโก้ ขี่ม้าริมหาด หรือคนแต่งตัวเป็นพจมาน ของดีเมืองไทยทั้งนั้น
Tail End feat. Hugo
เสียงกีตาร์โปร่งที่ค่อย ๆ กล่อมเกลาเราไปกับเรื่องเล่าของชายสองวัยที่มองเรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่เหมือนกัน เนื้อเพลงคมคายและมีความเป็นกวีนิด ๆ
เสียงเข้ม ๆ ของพี่ฮิวโก้ช่วยเติมบรรยากาศเท่ ๆ ให้เพลงนี้ได้อย่างดี ยิ่งช่วงที่ทั้งสองคนร้องประสานหรือคอรัสให้กันก็คือเท่มาก เจอท่อนโซโล่ที่ไลน์กีตาร์ทั้งสองตัวประสานกันคือตาย ชอบเพลงนี้มาก
Greng Jai Please
สมกับเป็นเพลงที่มีชื่อพ้องเสียงกับชื่ออัลบั้ม เพลงนี้คือเพลงไทยที่สุดในอัลบั้มเพราะภูมิกำลังสอนคนต่างชาติให้เข้าใจคำว่า ‘เกรงใจ’ ด้วยไลน์กีตาร์นุ่ม ๆ ขี้เล่นนิด ๆ ซึ่งเนื้อเพลงก็ทำให้นึกถึงรอยยิ้มของภูมิทันที แถมยังเติมเข้ามาด้วยกีตาร์โปร่งและเพอร์คัสชันในบางช่วง พร้อมซาวด์สังเคราะห์อวกาศ ๆ ที่ทำให้ทั้งเพลงลงตัวติดหูสุด ๆ
Kiko’s Letter feat. STUTS
เจ็บหัวใจสุด ๆ ตอนแรกนึกว่าเพลงนี้จะจดหมายบอกรัก แต่ต้องอกหักดังเป๊าะเพราะมันคือจดหมายบอกลา
เพลงนี้เป็นเพลงที่เราตื่นเต้นที่สุดในอัลบั้ม แล้วพอได้ฟังก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เพราะ STUTS เข้ามาร่วมงานด้วยอีกครั้ง เขาช่วยเติมบีตหม่น ๆ ระบายดนตรีโซลให้กับเพลงนี้ได้เท่มาก ๆ ยิ่งมีทั้งซินธ์ทั้งแซ็กโซโฟนสังเคราะห์คือหวานอมขมกลืนสุด ๆ ไม่รู้ทำไมเรานึกถึงพวกหนังไทยสมัยก่อน รักต่างชนชั้นที่สุดท้ายพระนางก็ต้องบอกลากัน
Loving And Letting Go
ป๊อปสนุก ๆ ที่ไลน์กีตาร์หวาน ๆ เรียกร้องให้คนกำลังมีหวังลองฟัง เนื้อเพลงก็ชิลตามดนตรีได้เพลินใจ ด้วยรักและปล่อยวาง กลายเป็นเพลงน่ารัก ๆ ไปโดยปริยาย
Welcome Change
แจงเกิ้ลป๊อปซึม ๆ เหงา ๆ ชวนปลดปล่อยอารมณ์เศร้าจากอดีตที่ผ่านไปแล้ว ก่อนดนตรีจะกลับมาคึกคักด้วยบีตทรอปิคัลตอนท้ายที่โคตรฮีลใจ แต่ MV ก็ยังใส่อารมณ์ขันแบบคนเอเชียได้น่ารักมาก
เอาจริง สิ่งหนึ่งที่นึกอยู่ในหัวตลอดระหว่างฟังอัลบั้มนี้ คืออยากดูโชว์ของภูมิที่จะเอาเพลงเหล่านี้มาใส่ในเซ็ตลิสต์ไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะเพลง ‘Healing House’ ที่โชว์ต้องเท่มากแน่ถ้าภูมิตีกลองเองด้วย
อัลบั้ม ‘The Greng Jai Piece’ ลงทุกสตรีมมิงแล้ว ใครยังไม่ได้ฟังรีบไปฟัง บอกเลยว่าประเทศไทยไม่เคยขาดแคลนเพลงเจ๋ง ๆ เลย
‘TangBad’ อัลบั้มที่ก้าวข้ามผ่านข้อจำกัด และลองทำอะไรใหม่ ๆ ในแบบของ TangBadVoice