Photo: Drama Arts Chula
จำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ดูหนัง Hedwig and the Angry Inch คือน้ำตาซึมเกือบทั้งเรื่อง มันเล่าถึงผู้หญิงข้ามเพศ(?)คนหนึ่งกับวงร็อกที่ไม่มีใครสนใจ กับการตามตื้อ Tommy Gnosis ศิลปินร็อกชื่อดัง เพราะเขาคือคนที่ขโมยเพลงของเธอไปเล่นจนดัง หรือเขาคืออีกครึ่งที่หายไปของเธอกันแน่นอน การใช้สัญญะต่าง ๆ ที่พูดถึงความครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ใช่ใครซักคนบนโลก และการฉายอดีตที่ไม่เคยสมหวังของ Hedwig ผ่านเพลงร็อก บัลลาดและพังก์ ก็สร้างความตราตรึงใจให้กับทุกคนได้ไม่ยาก ซึ่งเรื่องนี้ก็เคยเป็นละครเวทีมาก่อนแถมยังกวาดรางวัลไปมากมายอีกด้วย
หลังจากเห็นประกาศว่ากำลังจะถูกนำมาทำเป็นละครธีสิสโดยคณะอักษรจุฬา จัดแสดงแค่เพียงสามรอบเท่านั้น พร้อมชื่อนักแสดงนำที่น่าสนใจมาก ๆ ได้แก่ ออม Amadiva แดร็กควีนสายร็อกเล่นเป็นเฮ็ดวิก และ เอ้ Beagle Hug นักร้องมากความสามารถเล่นเป็นยิตซัค โชคดีมากที่ได้บัตรมาหลังจากนั่งรีเฟรชรัว ๆ ตอนให้จอง นี่จึงเป็น Hedwig and the Angry Inch เวอร์ชั่นละครเวทีครั้งแรกของเราเหมือนกัน
14 พฤษภาคม
เราต้องฝ่าฝนมาให้ถึงตึกอักษรจุฬาก่อนเวลา เพราะเป็นห่วงเรื่องเวลาที่คนดูต้องพร้อมก่อนเข้าฮอลล์ 30 นาที ซึ่งทุกคนก็พร้อมมากและเดินเข้าฮอลล์อย่างตื่นเต้นนิด ๆ โดยมีเก้าอี้เรียงรายกันเต็มอัฒจันทร์ ทุกคนก็เลือกนั่งกันตามต้องการ ส่วนเราขอนั่งกลาง ๆ ค่อนหลัง เพราะรู้สึกกลัวและประหม่าเวลาผู้แสดงมาปฎิสัมพันธ์ด้วย ฮา
เซ็ตติ้งของงานแอบ low cost ด้วยโครงเหล็กและแผ่นโปรเจกต์เตอร์สองฝั่ง แต่รู้สึกดีที่มีวงดนตรีแบบฟูลแบนด์มาเล่นเพื่อคงอรรถรสของความเป็นมิวซิคัลไว้
ไม่ช้า เอ้ ที่ออกมาในลุคของยิตซัสก็ออกมาเปิดเวที พร้อมบรรเลงเพลง Tear Me Down เปิดตัวเฮ็ดวิกในร่าง ออม อย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางคนดู พร้อมบิวอารมณ์คนดูให้สนุกไปกับโชว์ได้ทันที ก่อนจะแนะนำให้คนดูเข้าใจว่าเขาตาม Tommy Gnosis มาแสดงที่ไทย แบบ Live in Bangkok ครั้งแรกเลย
โดยละครดำเนินเรื่องด้วยเรื่องเล่าของเฮ็ดวิกเป็นหลัก ชอบที่มีความ breaking 4th wall เบา ๆ ทั้งการล้อเล่นและสนุกไปกับคนดู หรือการจิกกัดโน่นนี่ไปด้วย ทั้งแซะมหาลัยตัวเอง เมืองไทย หรือแม้แต่การล้อ GEN Z ก็เรียกเสียงหัวเราะได้เรื่อย ๆ
ส่วนตัว เอ้ เองก็เป็นยิตซัคในเวอร์ชั่นที่อีโมมาก เรารู้สึกถึงมวลของความไม่พอใจก้อนใหญ่อยู่ริมเวทีตลอดเวลา แล้วเรื่องนี้ต้องให้เครดิตกับผู้กำกับเลย เพราะเหมือนเป็นธรรมเนียมของเรื่องนี้ไปแล้วว่าโรลนี้ต้องแคสผู้หญิงมาเล่นเท่านั้น และเอ้เอาอยู่จริง ๆ
นอกจากนี้ยังหยิบทุกเพลงที่เราชอบมาเล่นทุกเพลง แล้วต้องปรบมือให้กับ ออม Amadiva เลยเพราะเขาเอาอยู่ทุกเพลง ไม่ว่าจะบัลลาดช้า ๆ อย่าง Wicked Little Town ก็พาคนดูอินมาก หรือจะร็อกสุด ๆ อย่าง The Angry Inch และ Exquisite Corpe ก็โคตรมัน แบบปล่อยพลังสุดตัวจริง ๆ โดยเฉพาะตอนออกมาเป็น Tommy กับเพลง Wicket Little Town เวอร์ชั่นแก้ก็เท่โคตร ๆ เอาอยู่ทั้งสองโรลเลย
ส่วน เอ้ ก็ได้ปล่อยของเหมือนกันในเพลง Hedwig’s Lament ที่ได้ใจเรามาก ๆ เสียดายที่บทเอ้อาจจะน้อยไปหน่อย แต่เก็บทุกซีนได้หมดเลยโดยเฉพาะช็อตของ Whitney Houston ฮา
โดยร่วมแล้วคือนักแสดงเอาอยู่มาก แถมวงดนตรีก็ไม่มีปัญหาเชิงเทคนิคใด ๆ อย่างที่หลายคนเตือนเราก่อนไปดูเลย อาจจะเป็นเพราะนี่รอบสุดท้ายเขาเลยแก้ปัญหากันได้รอบคอบแล้ว เสียดายอย่างเดียวแค่เพราะโปรดักชั่นมันตามพลังของนักแสดงไม่ทัน รวมถึงอารมณ์และดีเทลในเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องปรับให้กระชับขึ้นหรืออะไรก็ตาม ทำให้บางทีถ้าไม่ได้ดูเรื่องนี้มาก่อนอาจจะตามอารมณ์ของเพลงแต่ละเพลงไม่ทัน แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่ถึงโปรดักชั่นจะ low cost แต่สิ่งที่จะเทยจะเสียหน้าไม่ได้เลยคือคอสตูมที่ออกแบบมาดูดีอยู่นะ โดยเฉพาะปีกของเฮ็ดวิกที่เราชอบมาก ๆ รวมถึงชุดต่าง ๆ ที่เฮ็ดวิกเปลี่ยนทุกเพลงก็ถอดไอเดียจากในหนังออกมาได้โดนทุกชุดจริง
ถึงเราจะไม่ค่อยได้ดูละครเวที แต่เราชอบครั้งนี้มาก ๆ นะ อาจจะเพราะว่าชอบที่เลือกเรื่องนี้มาเล่นด้วยเพราะเรารักเพลงในเรื่องนี้มาก และทั้งออมและเอ้ก็ทำโชว์ได้ประทับใจสุด ๆ เสียดายแค่เรื่องโปรดักชั่นอย่างเดียว ถ้าเป็นไปได้อยากให้หยิบมาแสดงอีกครั้งพร้อมเก็บตังเถอะ พร้อมจ่ายมาก ๆ เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่คนชอบฟังเพลงแบบนี้เราประทับใจจริง