ถือเป็นอีกงานที่คึกคักสุด ๆ สำหรับ Bangkok Design Week ที่ในปีนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4-12 กุมภาพันธ์ โดยงานเกิดขึ้นตามย่านต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพ ฯ ทาง The COSMOS เองก็มีโอกาสได้ไปแวะชมนิทรรศการต่าง ๆ ที่หลายภาคส่วนพร้อมใจกันจัดขึ้นมา โดยเฉพาะย่านเมืองเก่า เจริญกรุง-เยาวราช เรียกว่ากิจกรรมแน่นจนตามดูไม่ทัน ตั้งแต่ที่ทำการไปรษณีย์กลางบางรักที่มีนิทรรศการงานออกแบบ รวมไปถึงดนตรีสด ดนตรีทดลอง ซาวด์ดีไซน์จากวงดนตรีนอกกระแสและโปรดิวเซอร์มากมาย ร้าน Entertainment Project ก็มีเป็น festival ย่อม ๆ เพราะมีดีเจหลากแนวเพลงตบเท้ามาเปิดเพลงกันแทบทุกวัน ขณะที่ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ก็มีทั้งการแสดง theatrical walking tour ‘Finding Teresa’ ที่บัตร sold out ตั้งแต่ยังไม่เปิดแสดง
และไฮไลต์ปิดท้ายเทศกาลที่จัดขึ้นบริเวณตลาดเก่าเยาวราชก็สนุกสนานไม่แพ้กัน นั่นคือ ‘เติ้งลี่สวิง’ งานเต้นสวิงที่ร่วมจัดโดยกลุ่ม เยาวเล่น และ Jelly Roll Dance Club ที่มีวง The Stumbling Swingout หยิบเอาบทเพลงโด่งดังของราชินีเพลงจีน เติ้งลี่จวิน มาเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบเพลงแจ๊ส แม้บริเวณซอยตลาดเก่าจะค่อนข้างมีพื้นที่จำกัด แต่ก็มีคนให้ความสนใจแวะเวียนไปมาอย่างคับคั่ง รวมถึงนักเต้นก็มารวมตัวกันโดยพร้อมเพรียง กลายเป็นบรรยากาศที่คึกคักสุด ๆ
งานเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 20.15 น. โดยมีคลาสสอนเต้นสวิงให้สำหรับทุกคน หลายคนที่มาร่วมงานรวมถึงนักดนตรีก็พร้อมใจแต่งกายตามธีม รวมถึงมีโชว์จากกลุ่มนักเต้น The Boppin’ Berries กับลุคสาวเชื้อสายจีนในชุดแฟลปเปอร์สสีแดงสดเรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้ชม ก่อนที่วงจะเริ่มบรรเลงเพลงแจ๊สแบบสด ๆ และมีคนรักสวิงแดนซ์มาเปิดฟลอร์ตอนประมาณสองทุ่มครึ่ง ยาวไปจนถึงสี่ทุ่ม
วงก็เปิดมาด้วยเพลงเรียกเสียงฮาอย่างเพลงธีม ‘เปาบุ้นจิ้น’ ก่อนจะเริ่มเล่นเซ็ตเพลงเติ้งลี่จวินตามสัญญา ทั้ง ‘Tien Mimi’ หรือ ‘Ye Lai Xiang’ ซึ่งคือทำนองเพลง ‘ผ้าเช็ดหน้า’ ของ Triumphs Kingdom ที่คนแถวนั้นก็ร้องเนื้อเพลง ‘ผ้าเช็ดหน้า’ กันออกมาดังลั่น ไปจนถึงเพลง ‘Shui Lai Ai Wo’ ที่มีการแปลงเนื้อไทยเป็นเพลงเพลงดังของ ดาวใจ ไพจิตร ‘ทำไมถึงทำกับฉันได้’ จากนั้นก็เป็นเพลง ‘Ai De Ni’ และบทเพลงสุดหวาน ‘The Moon Represent My Heart’
แม้อุณหภูมิจะร้อนระอุขึ้นเพราะมีคนเข้ามาเติมพื้นที่อยู่เรื่อย ๆ ก็โชคดีที่ยังพอมีลมพัดผ่านมาบ้าง อีกอย่างที่ทำให้สู้ตายก็คือ เอเนอร์จี้ความสนุกของคนที่มาร่วมงานทำให้เราไม่อยากหนีไปไหน ต้องโดดกลับเข้ามาเต้นเป็นพัก ๆ เซ็ตต่อไป The Stumbling Swingout ก็เล่นเพลงสแตนดาร์ดทั้ง ‘Night Train’, ‘Moten Swing’, ‘Shout Sister Shout’, ‘I Can’t Believe You’re in Love with Me’, ‘Alright Okay You Win’, ‘Bill Bailey’, ‘Taint What You Do’, ‘Flying Home’ และ ‘I Like Pie’ ซึ่งเป็นธีมซองของกลุ่ม Jelly Roll Dance Club เพราะเป็นชื่อที่ตั้งตามเนื้อเพลงในเพลงนี้ ก่อนจะชวนทุกคนมาเต้น ‘Shim Sham’ ซึ่งเป็น routine ที่คนเต้นสวิงจะสามารถเต้นได้พร้อมเพรียงกันเมื่อเพลงขึ้น และปิดท้ายด้วยอังกอร์ ‘Sunnyside of the Street’ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
เป็นอะไรที่สนุกทุกครั้งที่ได้มาร่วมเต้นสวิงกันบนท้องถนน และดีใจที่คอมมิวนิตี้สวิงแดนซ์กรุงเทพ ฯ ขยับขยายขึ้นทุก ๆ ปี ตอนนี้เรามีที่เต้นประจำทุกสัปดาห์มากขึ้นแล้วด้วยทั้ง The Hop ตั้งอยู่ระหว่างสีลมซอย 18 และ 20 ทุกวันอังคารและวันเสาร์ กับ Jelly Roll Dance Club ที่จะอยู่แถวโซนอารีย์ เป็นประจำทุกวันอาทิตย์ รอติดตามพวกเขาได้ว่าในสัปดาห์นั้น ๆ จะไปเต้นกันที่ไหน รวมไปถึง free class ที่จะไป pop up ตามที่ต่าง ๆ อย่างเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาพวกเขาก็ไปเปิดคลาสกันที่ Misha Cheap ทำเอาเรารู้สึกเหมือนว่าข้าวสารได้ย้อนกลับไปยุคโบราณที่ทุกคนเต้นรำกันใต้ดิสโก้บอล
ไว้เจอกันบนแดนซ์ฟลอร์!