ฟังหลวงพี่ Yogetsu Akasaka เทศน์แบบล้ำ ๆ คลอบีตเทคโน/ Psy-Trance ชวนสะกด

Story: Montipa Virojpan
Photo: MUTA Sound Sculptures, Tar311Photo

ทันทีที่เพจ MUTA Sound Sculptures ประกาศว่า Yogetsu Akasaka พระชาวญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลกจากการเทศนาผสมกับการแสดงบีตบ็อกซ์ ไลฟ์ลูป และแฮนด์แพน จะมาเปิดการแสดง Yogetsu Akasaka Chanting Buddhist Mantras ที่กรุงเทพ ฯ The COSMOS ก็ไม่รอช้ารีบช่วยกระจายข่าว จากที่ทีแรกทางผู้จัดตั้งใจจะจัดการแสดงเพียงสองรอบคือช่วงบ่ายกับเย็น ก็มีผู้ให้ความสนใจแบบถล่มทลายจนที่นั่งทั้งสองรอบถูกจับจองไปจนหมด แต่กระนั้นแล้วก็ยังมีผู้ถามหาบัตรหลุดกันอย่างต่อเนื่อง จนหลวงพี่ใจดีเพิ่มให้อีกรอบ ทำให้เราได้มีโอกาสไปรับชมในรอบสามทุ่มตรงที่ Doc Club & Pub เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ก่อนที่จะเข้ามาเป็นนักบวชนิกายเซ็น Yogetsu Akasaka ในปี 2005 เคยเป็นนักดนตรีเปิดหมวกและแสดงบีตบ็อกซ์ที่ลอนดอน ซิดนีย์ และนิวยอร์กมาก่อน แต่ในสิบปีให้หลัง เขาก็ได้ตามรอยพ่อที่บวชในสำนักสงฆ์โซโตเซน และได้ผสานเอาดนตรีและหลักคำสอนในพุทธศาสนาเข้ามารวมไว้ด้วยกัน กลายเป็นแอมเบียนต์ผ่อนคลาย ไซค์ทรานซ์ชวนจิตสงบนิ่ง ไปจนถึงเทคโนรุนแรงที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งความน่าทึ่งในการแสดงของหลวงพี่ก็ทำให้ท่านได้ไปทัวร์รอบโลก รวมถึงมีการแสดงที่งาน SXSW 2023 ด้วย

23 เมษายน 2563

บรรยากาศของ Doc Club & Pub คึกคักไปด้วยผู้ชมที่ดูมีท่าทีตื่นเต้นที่จะได้รับชมการแสดงธรรมจากพระโย หลังจากแจ้งชื่อรับบัตรเรียบร้อยแล้ว เวลาสามทุ่มตรง ผู้จัดให้เราสามารถเข้าไปนั่งด้านในโรงภาพยนตร์ได้ จากนั้นก็รออีกประมาณ 15-20 นาทีก่อนที่ทุกคนจะเข้ามานั่งเต็มทุกที่นั่ง พระโยปรากฏตัวพร้อมเสียงตบมือจากผู้ชม ตอนนั้นในใจนี่ก็คิดนะว่าควรจะไหว้หรือจะตบมือ อะเขาตบเราตบด้วย

ไฟหรี่ลงเล็กน้อย พระโยพูดคุยทักทายทุกคนเป็นภาษาอังกฤษ และบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ได้มาแสดงที่ไทยเป็นครั้งแรก และการแสดงได้รับเสียงตอบรับที่ดีทำให้บัตรทั้งสองรอบหมดภายในวันเดียว ท่านก็พูดติดตลกว่าพวกเราที่ได้ดูรอบสามโชคดีมาก ๆ เพราะอันที่จริงท่านน่าจะเล่นไหวแค่สองรอบ แต่ปรากฏว่าเอเนอร์จีท่านกำลังเครื่องร้อนเลยเพิ่มให้อีกสักรอบ (พอดีว่าอู๋ Corner Ppl ซึ่งเป็นคนทำวิชวลประกอบการแสดงในทุกรอบแอบสปอยล์มาว่า แต่ละรอบท่านเล่นไม่เหมือนกันเลย! แล้วก็ได้ยินมาว่าท่านจะมีโชว์เล็ก ๆ ประมาณ 20 ที่นั่งที่ PLACEBo CLUB ในวันถัดไปด้วย)

หลังจากเกริ่นไปเล็กน้อย ท่านไม่พูดพร่ำทำเพลงนำเข้าสู่การทำสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออก ฟังเสียง และดูวิชวลที่เล่นอยู่ด้านหลัง แล้วท่านก็เริ่มเคาะแฮนด์แพน เสียงกังวานแบบนี้ทำให้เรานึกถึงตอนที่ไปทำ sound bath กับขันทิเบต ที่คลื่นสั่นสะเทือนของเสียงส่งผลกับร่างกายและจิตใจของเรา ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด กระบวนการสมาธิผ่านเสียงดนตรีเริ่มดำเนินไป ท่านบอกให้เราอยู่ในปัจจุบันขณะ สังเกตเสียง ความรู้สึก ณ ตอนนั้น ก่อนจะพูดถึงความทุกข์ และเหตุของการเกิดทุกข์เพราะมัววิตกกับสิ่งที่ยังไม่มาถึง จากที่เราตั้งใจฟังเสียงและดูภาพตรงหน้าอย่างที่ท่านว่า อยู่ ๆ ใจก็เผลอลอยไปตามความบันเทิงของเมโลดี้สุดไพเราะที่ท่านขับกล่อมโดยที่เราไม่รู้ตัว เหมือนเข้า trance ไปแล้ว ส่วนนึงนั่นเป็นเพราะจิตของเรามันล่องไหล หรือที่ท่านเรียกว่า ‘monkey mind’ มันอยู่ไม่สุข ซึ่งเป็นปกติธรรมดา ท่านเลยบอกว่าให้เราปล่อยตัวเองรู้สึกไปเลย ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำจากอดีต หรือความคิดอะไรที่ผุดขึ้นมา ให้เราพิจารณาว่ามันเป็นเช่นนั้น แล้วค่อยดึงตัวเองกลับมาโฟกัสที่ปัจจุบัน ไป ๆ มา ๆ นี่เราก็อยู่ใน session guided meditation หรือการทำสมาธิที่มีท่านคอยพูดนำทาง ประกอบด้วยซาวด์แอมเบียนติอิเล็กทรอนิก ก่อนจะมีทรานสิชันเข้าสู่ท่วงทำนองไซค์ทรานซ์ชวนผ่อนคลาย

แต่แล้วจู่ ๆ ท่านก็เริ่มใส่เลเยอร์ทำ live looping โดยใช้เสียงร้อง ทำนองบทสวด บีตบอกซ์ แฮนด์แพน จากจุดที่ค่อย ๆ บิลด์ขึ้นมาก็กลายมาเป็นคลับเทคโนย่อม ๆ ที่ใจนึงเราก็คิดว่า ถ้าลุกขึ้นเต้นเลยจะเหมาะสมมั้ยนะ ในทางกลับกัน หลวงพี่เล่นไปโยกไป คือนี่ก็เลยกระดิกขาตามจังหวะ หัวโยกไปด้วยเลย พระโยเล่นเพลงไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดพัก เนรมิตซาวด์และบีตเข้ามาเรื่อย ๆ จนมีอยู่พาร์ตนึงของโชว์ที่สังเกตว่ามีความ lay back เล็กน้อย แล้วท่านก็สามารถแก้เกมด้วยการมิกซ์เลเยอร์เพิ่มเข้ามาอีก จนกลายเป็นนอยซ์ปั่นประสาทชวนหัวที่โดนเส้นเอามาก ๆ จนเราเผลอยกมือสะใจแบบท่อนหวดของเพลงในคลับ ใจบาปนึกอยากจะนิมนต์ท่านไปแสดงธรรมที่ DeCommune อีกสักรอบ บอกตรง ๆ ว่าประสบการณ์จุดนี้เกินกว่าที่เราคาดหวังจะได้รับฟังแต่แรกไปมาก น่าเสียดายที่บทสวดเป็นภาษาญี่ปุ่นไม่งั้นเราอาจจะได้เข้าใจสิ่งที่ท่านกำลังเทศน์ แต่ก็คงจะเป็นความรู้สึกคล้าย ๆ กันกับวัดไทยที่สวดโดยใช้ภาษาบาลีเราเลยไม่เก็ตใจความอะไรเลย ทว่าช่วงท้ายของโชว์ที่น่าตื่นเต้นนี้ท่านก็ร้องเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่า be happy ก่อนจะดึงกลับเข้าสู่ซาวด์สุดสงบของแฮนด์แพน และเสียงร้องก้องกังวานอีกครั้ง

เป็นเวลา 75 นาทีบวกบวกที่คุ้มค่ามาก ๆ สำหรับ Yogetsu Akasaka Chanting Buddhist Mantras อันนี้ต้องเรียกว่าเป็นบุญหูจริง ๆ แหละ เรียกว่าเปิดโลกสุด ๆ กับการเอาดนตรีร่วมสมัยมาผนวกเข้ากับหลักการเจริญสติภาวนา ใครที่ชอบดนตรีอิเล็กทรอนิกและสนใจวิถี spiritual ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ถ้าใครมีโอกาสขอแนะนำว่าอย่าพลาดด้วยประการทั้งปวง อันที่จริงหลวงพี่เอาซีดีมาขายด้วย แต่ถูกเหมาไปโดยสองรอบที่แล้วไปซะก่อน ใครที่พลาดรอบนี้แต่อยากรู้ว่าดนตรีที่ท่านเล่นเป็นประมาณไหน ลองไปติดตามได้ทาง YouTube หรือ Soundcloud https://soundcloud.com/yochanting กันได้เลย