ในยุคที่ความเกลียดชังถูกส่งต่อให้กันง่าย ๆ เพียงปลายนิ้ว Softcult วง dream pop, grunge, punk คือวงดนตรีไม่กี่วงที่กล้าจะยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ นอกจากเสียงดนตรีที่ดุดัน เนื้อเพลงของพวกเธอยังนุ่มลึกและถ่ายทอดแนวคิดเฟมินิสต์อย่างตรงไปตรงมา ด้วยความเชื่อที่ว่าซีนดนตรีควรจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยของทุกเพศ โดยมีวงพังก์ระดับตำนานอย่าง Riot Grrrl เป็นต้นแบบ
ด้วยสไตล์ที่แตกต่างและหาตัวจับยาก พวกเธอก็ได้ทำทัวร์ภายในเวลา 2 ปี ขึ้นเวทีเฟสติวัลอีกหลายงาน ก่อนจะแวะมาไทยไปแล้วรอบหนึ่ง (แบบ SOLD-OUT SHOW!!) และตามไปทัวร์กับศิลปินระดับโลกอีกหลายวง ปีนี้พวกเธอกลับมาที่ไทยอีกครั้ง พร้อมโชว์ที่แน่นขึ้น พร้อมสองเพลงใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกมาอย่าง “Love Song” และ “Dress”
ขอแนะนำคอลัมน์ Space Invader กับการต้อนรับขับสู่วงต่างประเทศทั่วโลกในบทสัมภาษณ์ที่เป็นกันเอง ประเดิมวงแรกด้วย สองสาวฝาแฝด Phoenix Arn-Horn และ Mercedes Arn-Horn กับการต่อสู้ด้วยเสียงดนตรีของ Softcult เพื่อให้ได้มาซึ่งโลกที่เท่าเทียมสำหรับทุกเพศ พร้อมคุยถึงเพลงใหม่และการมาไทยครั้งที่สองของพวกเธอ
ดนตรีของคุณมักพูดถึงประเด็นที่สำคัญและละเอียดอ่อนมาก ๆ เกี่ยวกับเรื่องเพศและสุขภาพจิต พวกคุณคาดหวังว่าเพลงของพวกคุณจะช่วยเหลือแฟนเพลงที่เคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้มายังไงบ้าง
M: ฉันคิดว่าการพูดถึงและตอกย้ำเรื่องเหล่านี้มันสำคัญมาก ถ้ามีใครซักคนได้ฟังและย้อนคิดถึงตัวเองที่เคยเจอมาเหมือนกัน ฉันอยากให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาแชร์เรื่องราวพวกนี้กับคนอื่นได้ และทำให้พวกเขาไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป และมันก็สำคัญมาก ๆ ที่เพลงของพวกเราจะไปถึงคนที่ไม่เข้าใจ คนที่ไม่เคยเจอประสบการณ์แย่ ๆ เหล่านั้นด้วยตัวเองด้วย เราพยายามสร้างแรงกระเพื่อมต่อทุกคนผ่านเพลงของเรา ช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ และสร้างบทสทนาเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ยิ่งเราพูดถึงมันมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งกลายเป็นเรื่องทั่วไปมากขึ้น
กลุ่ม Riot grrrl มีอิทธิพลต่อเพลงของ Softcult อย่างมาก พวกคุณคิดว่ามูฟเม้นต์ของกลุ่มนี้ยังทำงานกับผู้คนในตอนนี้ยังไงบ้าง
M: ประเด็นเรื่องเหยียดเพศ(sexism), ความเกลียดชังต่อผู้หญิง(misogyny) และความรุนแรงทางเพศ(gender violence) ยังไม่หายไปไหน เราต้องเฝ้าระวังมากกว่าสมัยที่กลุ่ม Riot grrrl เริ่มเคลื่อนไหวซะอีก ประเด็นเหล่านี้ยังรุนแรงอยู่และต้องการการเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง เราหวังว่าจะปลุกกระแสการเคลื่อนไหวของกลุ่ม Riot grrrl เกี่ยวกับอำนาจทับซ้อนให้รุนแรงขึ้น พวกเราคิดว่าความเฟมินิสต์และความเป็นนักเคลื่อนไหวของ Riot grrrl เป็นแนวคิดที่ทุกคนเข้าร่วมได้ ไม่ว่าทุกคนจะมีอัตลักษณ์อย่างไรหรือมาจากไหน เราต่างยึดเหนี่ยวกันจากปัญหาที่เจอเหมือนกัน มาช่วยกันถือคบเพลิงที่ส่องไปสู่อนาคตและการเคลื่อนไหวครั้งใหม่ นั่นคือสาเหตุที่เราต้องช่วยกันทำให้ซีนดนตรีและชุมชนนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยจริง ๆ สำหรับผู้หญิง กลุ่มคนอ่อนไหว กลุ่มคนหลากหลายทางเพศและสำหรับคนข้ามเพศทุกคน
เนื้อเพลงของพวกคุณบอกเล่าทั้งเรื่องการเมืองและเรื่องส่วนตัว ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าพวกคุณบาลานซ์สิ่งเหล่านี้ยังไงจนได้เพลงที่เจ๋งมาก
M: สำหรับฉัน ทั้งส่วนที่เป็นการเมืองและเรื่องส่วนตัวนั้นไม่มีทางแยกออกจากกันได้ เพราะสิ่งที่เราต้องเจอจากการเป็นผู้หญิงหรือกลุ่มคนหลากหลายทางเพศนั้น ในเชิงการเมือง เราต้องเจอกับการเหยียดเพศ ความเกลียดชังต่อผู้หญิงและต่อคนหลากหลายทางเพศ รวมถึงความเกลียดชังต่อคนข้ามเพศและความรุนแรงทางเพศนั้นกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราตลอดมา และในเชิงส่วนตัว เราไม่ได้อยู่ในจุดที่จะแยกเรื่องการเมืองออกจากชีวิตเราได้เลย มันเลยสำคัญมากที่เราจะเขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา
เพลงใหม่ล่าสุดของพวกเขาอย่าง “Love Song” และ “Dress” มีซาวด์ที่แตกต่างถ้าเทียบกับเพลงก่อน ๆ ของพวกคุณ อะไรคือแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงเหล่านี้
M: พวกเราอยากเติบโตขึ้นในฐานะศิลปินและนักดนตรีมาตลอด ทำให้เราไม่เคยพอใจที่จะติดอยู่กรอบเดิม ๆ ของแนวเพลงของเรา และเราก็ไม่อยากยึดติดตัวเองอยู่กับการต้องเป็นวงแบบไหนหรือทำเพลงแนวอะไร Softcult มีองค์ประกอบและแรงบันดาลใจต่อเสียงดนตรีอีกมากมาย เรามีแรงบันดาลใจจาก Nirvana, Nine Inch Nails, Smashing Pumpkins, Bikini Kill, รวมถึงซาวด์ดรีมมี่ ๆ แบบ Cocteau Twins, Slowdive, My Bloody Valentine, Radiohead, The Cure ฯลฯ เราอยากลองแตะอีกด้านหนึ่งของซาวด์ในแบบของเราใน EP นี้ ยกตัวอย่างเช่น 2 เพลงใหม่เลย
ดนตรีของคุณมีความเป็น dream pop มาก ๆ อะไรคือแรงบันดาลใจหลักในการทำซาวด์แบบนี้
M: พวกเราตกหลุมรักซาวด์แบบ dream pop มาตลอดเพราะมันใส่ความสร้างสรรค์ลงไปในเสียงดนตรีได้มากมายเท่าที่เราต้องการ มันเข้าถึงอารมณ์อย่างรุนแรงไม่ว่าเราจะสร้าง wall of sound อันแข็งกร้าว หรืออ่อนโยนอบอุ่น เล่าเรื่องผ่านเนื้อเพลงออกมาได้ลงตัวกับซาวด์ที่ให้บรรยากาศอันโดดเดี่ยว มันคือซาวด์ที่เป็นธรรมชาติของ Softcult ไปแล้ว
“Dress” คือเพลงที่รุนแรงมากทั้งเนื้อหาและ MV เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงรึเปล่า
M: น่าเศร้าที่เราต้องบอกว่ามันทำมาจากเหตุการณ์จริง เรารู้ว่ามีหลายคนที่ต้องเจอประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน มันจึงสำคัญมาก ๆ ที่เราต้องเขียนเพลงนี้ขึ้น เราอยากให้ MV มันน่าอึดอัดเพราะไม่ใช่เรื่องที่ใครจะหลงใหลจากการโดนขืนใจ ละเมิดร่างกายโดยไม่ยินยอม หรือถึงขั้นโดนข่มขืนโดยคู่เดตที่เพิ่งเจอกัน มันเป็นเรื่องที่แย่มากและอยากให้ทุกคนตระหนักหรือสนใจประเด็นนี้ เนื้อเพลงพูดถึงการออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่กลายเป็นฝันร้าย โดย MV ก็ตรงไปตรงมาสุด ๆ เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพและเข้าใจความรุงแรงของสารที่เราส่งไป โดยไม่พยายามทำให้มันโรแมนติกเหมือนหนังรักที่ฉายภาพนี้แบบผิด ๆ เพราะของจริงมันสะเทือนใจและสยาสยองมาก ๆ ลองคิดถึงความบอบช้ำในคืนนั้นที่จะติดตัวเราไปตลอดกาลดูสิ
สำหรับวงดนตรีที่ประกาศตัวเองว่าเป็นเฟมินิสต์แล้ว พวกคุณต้องเจอความท้าทายอะไรในอุตสาหกรรมดนตรีบ้าง และพวกคุณผ่านมันมาได้ยังไง
M: การเป็นผู้หญิงที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ควบคุมโดยผู้ชาย ทำให้หลาย ๆ ครั้งพวกเราต้องทำงานหนักเป็นสองเท่าของพวกผู้ชายเพื่อให้ได้ยอมรับเท่ากันจากทั้งโปรโมเตอร์และแฟนเพลง บางคนก็ตั้งแง่กับเราทันทีเพราะเราเป็นผู้หญิงโดยไม่ให้โอกาสเพลงของเราเลย พวกเราถึงกับเคยโดนไล่ออกจากห้องพักศิลปินเพราะคิดว่าเป็นแค่แฟนของสมาชิกในวง บางครั้งเราก็เข้าไปเล่นโชว์ของตัวเองไม่ได้เพราะการ์ดไม่เชื่อว่าเราอยู่ในวงดนตรีด้วยซ้ำ ยังไม่นับการพบปะแฟนเพลงผู้ชายที่ไม่น่ารักตรงโต๊ะขายเมิชเพราะพวกเขาตั้งใจจะจีบพวกเรา หรือตะโกนถ้อยคำแย่ ๆ ระหว่างที่เรากำลังพูดหรือโชว์อยู่บนเวที หรือต้องอ่านข้อความแย่ ๆ บนโซเชียลที่คอยเหยียดเพลงของเราเพราะเราเป็นเฟมินิสต์ ประโยคซ้ำ ๆ ที่เราต้องอ่านเป็นประจำคือ “เราชอบเพลงของพวกคุณนะ แต่ผมคงไม่อินเพราะพวกคุณเป็นเฟมินิสต์” หลายคนเข้าใจเอาเองว่า เฟมินิสต์ = เกลียดผู้ชาย ซึ่งไม่ใช่เลย สิ่งที่พวกเราพยายามบอกและชี้ให้ทุกคนเข้าใจคือ เราไม่ได้เกลียดผู้ชายและเราไม่เคยเกลียด เราเกลียดการเหยียดเพศ เราเกลียดการเหยียดผู้หญิง เราเกลียดความรุนแรงทางเพศ ซึ่งเราไม่ได้เทียบว่าสิ่งเหล่านี้มาจากผู้ชายฝ่ายเดียว เรากำลังสู้กับการเลือกปฎิบัติทางเพศ แต่เราไม่ได้ทำสงครามกับเพศไหน เราไม่เคยยกเพศไหนมากดอีกเพศว่าดีกว่า นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าเหยียดเพศ แต่เฟมินิสต์ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน
ดนตรีของพวกคุณตั้งใจที่จะเชิดชูกลุ่มคนที่ถูกมองข้าม มีเรื่องราวน่าสนใจอะไรจากแฟน ๆ ที่ได้แชร์กับพวกคุณบ้าง
M: มันมีความหมายกับพวกเรามาก ๆ เหมือนเป็นรางวัลให้กับพวกเราทุกครั้งที่มีคนเข้ามาคุยกับเราหลังจบโชว์ บอกให้เรารู้ว่าเพลงของพวกเราช่วยใครให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ หรือมองเห็นตัวเองในดนตรีของพวกเรา ข้อความเชิงบวกมากมายจากคอมเมนต์และ DM ที่ยืนยันว่าเพลงของเราทำงานกับพวกเขายังไง พลังงานมหาศาลในโชว์ของเรานั้นทั้งคอยซัพพอร์ตและส่งต่อแรงใจให้แฟนเพลงได้ดี ไม่ใช่แค่มาดูโชว์แต่การฟังเพลงและบอกต่อกัน มันเหมือนพวกเขาช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพวกเราไปด้วย มันทั้งเติมเต็มและดีต่อใจเรามาก ๆ
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่พวกคุณมาประเทศไทย คุณชอบอะไรในประเทศนี้บ้าง
M: พวกเราดีใจมากที่ได้มาในพื้นที่ที่เพลงของเราทำงานกับแฟนเพลงได้อย่างดีทั้งในเชิงสังคมและการเมือง เรานับถือแฟนเพลงทุกคนที่มาเจอกันในโชว์ของพวกเรามาก ปีที่แล้วมันน่าตื่นเต้นและสบายใจมากที่ได้ไปเยือนวัดต่าง ๆ เราสนุกกับแสงสีตอนกลางคืนและอาหารของเมืองนี่มาก มันแตกต่างจากประเทศแคนาดาอย่างสิ้นเชิงเลย พวกเรากระตือรือร้นสุด ๆ ที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จากการมาไทยรอบนี้
พวกคุณเคยฟังเพลงของศิลปินหญิงไทยรึป่าว มีวงไหนที่คุณชอบมั้ย
M: แอบเขินนิดหน่อยที่ต้องยอมรับว่าพวกเราไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังเพลงของศิลปินไทยเท่าไหร่ แต่ฉันเป็นแฟนเพลงของวง Yellow Fang, The 10th Saturday, และ Yonlapa ฉันหวังว่าจะมีโอกาสได้ลองฟังเพลงไทยเพิ่มมากขึ้นตอนมาถึงไทย
คุณมีโชว์พิเศษอะไรที่เตรียมไว้สำหรับแฟน ๆ ชาวไทยมั้ย
M: พวกเราทั้งทัวร์ทั้งเขียนเพลงและอัดเพลงกันมาตลอดทั้งปีจนเราเติบโตขึ้นมากจากตอนที่มาไทยครั้งแรก พวกเราตื่นเต้นที่แฟนเพลงชาวไทยจะได้เห็นโชว์ใหม่ ๆ ที่เติบโตขึ้นจากการซัพพอร์ตของพวกเขา พวกเรารู้สึกพร้อมกับเวทีที่เมืองนี้มาก ฉันทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างปฎิสัมพันธ์กับแฟนเพลงระหว่างโชว์ให้ดีขึ้น ฉันรอไม่ไหวแล้วที่จะได้มาปลดปล่อยแพชชั่นและหลังงานทั้งหมดกับประเทศที่ห่างไกลจากบ้านเกิดฉันขนาดนี้
แอบบอกหน่อยว่าแพลนต่อไปของ Softcult เป็นยังไง จะมีอัลบั้มเต็มมั้ย หรือจะร่วมงานกับใคร
M: เรากำลังทำ EP ต่อไปพร้อมเพลงใหม่และ MV ใหม่อยู่ และเรากำลังจะได้ร่วมงานกับศิลปินที่น่าตื่นเต้นมาก จะปล่อยตอนซัมเมอร์นี้ ตอนนี้ขออุบไว้ก่อน เราสัญญาว่าจะทำเพลงที่มีความหมายกับทุกคนและงานที่เรารักต่อไป
สุดท้ายแล้ว คุณมีคำแนะนำอะไรกับศิลปินที่อยากสร้างงานที่ทำงานกับการเมืองและสังคมเหมือน Softcult บ้าง
M: ซื่อสัตย์กับแนวคิดของตัวเอง อย่าให้ใครมาขัดขวางการสร้างงานที่เราอยากทำได้ ฉันไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับการทำเพลงหรือทำ MV เลยจนกระทั่งมาทำ Softcult ฉันศึกษาด้วยตัวเองผ่านการลงมือทำ ถ้าฉันไม่รู้อะไรก็จะเปิด Youtube และฝึกทันที ยิ่งถ้ามีใครซักคนบอกว่าดนตรีไม่ควรยุ่งกับการเมือง อย่าไปฟังเขา อย่าท้อถอย หน้าที่ของศิลปินคือการสื่อสารกับโลกและศิลปะคือแนวคิดที่เขามองโลกใบนี้ ศิลปะก็เป็นการเมืองเพราะการเมืองคือส่วนหนึ่งของชีวิตทุกคน
ไปเจอกับพวกเธอได้ที่งาน SOFTCULT LIVE IN BANGKOK 2023 ในวันที่ 12 พฤษภาคม The Street Rachada กรุงเทพฯ พร้อมวงเปิด Kunst และ SOFTCULT LIVE IN KHON KAEN 2023 ในวันที่ 10 พฤษภาคม ร้านครัวออร์เร้นจ์ ขอนแก่น และวงเปิดอย่าง Fanfold Paper และ SOY โดยทีม Wildest Youth ไปซัพพอร์ตสิ่งที่พวกเธอเชื่อด้วยกัน